จากเด็กหนุ่มผู้ไม่เคยยิงฟรีคิกในเกมจริง สู่ฮีโร่ผู้จารึกประวัติศาสตร์แชมเปียนส์ลีกที่เอมิเรตส์ สเตเดียม
หากฟุตบอลคือศิลปะ ช่วงเวลาแห่งความมหัศจรรย์ของ ดีแคลน ไรซ์ ในนัดที่อาร์เซนอลเอาชนะเรอัล มาดริด 3-0 ในยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก สมัคร sbobet รอบก่อนรองชนะเลิศนัดแรก อาจเป็นผลงานชิ้นเอกที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ตลอดกาล
วันที่ 9 เมษายน 2025 จะถูกพูดถึงไม่ใช่แค่เพราะชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของอาร์เซนอล แต่เพราะมันเป็นวันที่ “ชายชื่อไรซ์” ก้าวขึ้นมาเป็นตำนาน ด้วยสองประตูจากลูกฟรีคิกสุดมหัศจรรย์ในช่วงเวลาเพียง 12 นาที ที่เปลี่ยนเกม เปลี่ยนความเชื่อ และเปลี่ยนโชคชะตาของทั้งสองสโมสร
ก่อนหน้านี้ ดีแคลน ไรซ์ ไม่เคยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านลูกตั้งเตะ การยิงฟรีคิกไม่เคยเป็นสิ่งที่แฟนบอลคาดหวังจากกองกลางทีมชาติอังกฤษผู้นี้ แต่ในค่ำคืนนั้น เขาสร้างสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดได้สำเร็จ และกลายเป็นผู้เล่นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ยิงฟรีคิกได้สองประตูในนัดเดียวของรอบน็อกเอาต์แชมเปียนส์ลีก
"ผมไม่คิดเลยว่าจะมีวันแบบนี้ในชีวิตของผม" ไรซ์กล่าวหลังเกมกับ Amazon Prime "ผมกลับไปที่ห้องแต่งตัว มือถือผมแทบจะระเบิด ทุกคนส่งข้อความเข้ามาเต็มไปหมด"
ประตูแรกของไรซ์เกิดขึ้นในนาทีที่ 32 จากจังหวะที่อาร์เซนอลได้ฟรีคิกทางฝั่งขวา บูกาโย่ ซาก้า และไรซ์ยืนอยู่เหนือบอล โดยมีสัญญาณจากนิโกลาส โยเวอร์ โค้ชลูกตั้งเตะของทีม ที่ส่งสัญญาณให้เปิดเข้าเขตโทษ
แต่ไรซ์เห็นช่องเล็ก ๆ ระหว่างกำแพงกับตำแหน่งผู้รักษาประตู เขาตัดสินใจพูดกับซาก้าว่า “ผมมั่นใจนะ” และซาก้าก็ตอบกลับว่า “ถ้านายรู้สึกอย่างนั้น ก็จัดไปเลย”
ลูกยิงโค้งเข้าเสาแรกอย่างแม่นยำ จน ธิโบต์ กูร์ตัวส์ หมดสิทธิ์เซฟ กัปตันทีมอย่าง มาร์ติน โอเดการ์ด ถึงกับยกมือขึ้นกุมศีรษะ ขณะที่มิเกล อาร์เตต้า ยืนอึ้งอยู่ข้างสนาม
ผ่านไปเพียง 12 นาที ความมหัศจรรย์เกิดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ไรซ์ได้ฟรีคิกในระยะไกลกว่าเดิมทางฝั่งซ้าย แม้ดูเหมือนไม่มีมุมยิง แต่เขาตัดสินใจวางบอลอย่างมั่นใจและซัดด้วยขวาโค้งเข้ามุมสามเหลี่ยมด้านบนสุดอย่างสวยงาม
คราวนี้ทั้งสนามระเบิดด้วยเสียงเฮ ขณะที่ตำนานอย่าง โรแบร์โต้ คาร์ลอส ที่นั่งชมเกมอยู่ในสนามถึงกับหน้าตึง ไม่พูดจาใด ๆ
อลัน เชียเรอร์ กล่าวในภายหลังว่า “มันเหลือเชื่ออย่างแท้จริง” ขณะที่ แคลเรนซ์ เซดอร์ฟ อดีตกองกลางเรอัล มาดริด ถึงกับพูดว่า “ขนาดซูเปอร์แมนก็บินมาไม่ทันลูกนั้น”
"ผมซ้อมมันมาตลอด ผมรู้ว่าผมมีมันอยู่ในตัว แต่ในเกมจริง ผมมักยิงติดกำแพงหรือข้ามคานบ่อยเกินไป" ไรซ์กล่าว
“แต่คืนนี้ ทุกอย่างลงตัว ผมรู้ว่าผมต้องทำมันให้ได้ เมื่อผมเห็นพื้นที่ตรงนั้น ผมคิดว่า 'ทำไมจะไม่ได้?' ถ้าลูกมันลอยออกไป ผมก็จะกลับมาสู้ใหม่ แต่ผมไม่อยากเสียโอกาส”
การตัดสินใจนั้นไม่ใช่แค่เปลี่ยนเกม แต่เปลี่ยนทัศนคติของทุกคนในสนาม รวมถึงแฟนบอลทั่วโลกที่ได้รับชมผ่านหน้าจอ
แม้ไรซ์จะเป็นผู้ทำประตู แต่เขาก็ไม่ลืมยกเครดิตให้กับทีมงาน “นิโก้ (โยเวอร์) อาจจะไม่พอใจที่ผมไม่ทำตามแผน แต่เขาดีใจเหมือนกัน ผมเห็นเขาวิ่งดีใจรอบสนามเลย” ไรซ์เล่าพร้อมหัวเราะ
ด้านอาร์เตต้า กล่าวว่า “เรายังไม่เคยยิงฟรีคิกโดยตรงได้เลยตั้งแต่กันยายน 2021 นี่คือความสวยงามของฟุตบอล ไรซ์ทำให้ทุกอย่างเป็นจริงได้ในค่ำคืนนี้”
แม้อาร์เซนอลจะได้เปรียบอย่างมากในการเข้ารอบ แต่ทั้งไรซ์และอาร์เตต้ายังคงย้ำถึงความสำคัญของนัดที่สองที่ซานติอาโก เบร์นาเบว
“มันยังไม่จบ เรายังมีอีก 90 นาทีที่บ้านของพวกเขา และที่นั่นเป็นสนามที่เต็มไปด้วยปาฏิหาริย์” ไรซ์กล่าว
จากนักเตะที่เติบโตมากับเวสต์แฮม ยูไนเต็ด สู่การย้ายมาอาร์เซนอลด้วยค่าตัวมหาศาล ไรซ์พิสูจน์แล้วว่าการลงทุนครั้งนั้นคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ เขาไม่เพียงทำหน้าที่ในเกมรับได้ดีเยี่ยม แต่ยังเติมเต็มบทบาทในเกมรุกได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
ลูกฟรีคิกทั้งสองลูกในคืนนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ชื่อของดีแคลน ไรซ์ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของสโมสร และของเวทีแชมเปียนส์ลีก