ในฤดูกาลที่ดูเหมือนจะเป็นการคว้าแชมป์สก็อตติชพรีเมียร์ชิพแบบไร้แรงต้านของเซลติก กลับต้องมาสะดุดในช่วงสำคัญ เมื่อพวกเขาบุกไปแพ้ให้กับเซนต์จอห์นสโตน ทีมบ๊วยของตาราง 0-1 ณ สนามแมคเดียร์มิด พาร์ก เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ความพ่ายแพ้นี้ไม่เพียงแต่ทำให้โอกาสในการคว้าแชมป์อย่างเป็นทางการถูกเลื่อนออกไป แต่ยังเปิดเผยถึงปัญหาภายในทีมที่กำลังคุกรุ่นอยู่ sbobet mobile เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีมเซลติก ให้สัมภาษณ์อย่างผิดหวังถึงความพ่ายแพ้ครั้งนี้ว่า “มันเกิดขึ้นบ่อยเกินไป” ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มของปัญหาจากฟอร์มการเล่นของทีมโดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นเกม
บทความนี้จะพาไปสำรวจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเซลติก ความพ่ายแพ้ครั้งนี้มีนัยสำคัญอย่างไร และจะส่งผลต่อการลุ้นแชมป์รวมถึงโครงสร้างทีมในระยะยาวเพียงใด
ก่อนการแข่งขันกับเซนต์จอห์นสโตน เซลติกนำเป็นจ่าฝูงของลีกโดยมีแต้มทิ้งห่างอันดับ 2 อย่างเรนเจอร์สถึง 9 แต้ม โอกาสที่จะคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 4 ติดต่อกันจึงอยู่แค่เอื้อม โดยเฉพาะหากพวกเขาคว้าชัยชนะได้ในนัดนี้ ก็มีโอกาสฉลองแชมป์ในบ้านตัวเองสัปดาห์ถัดไปทันที
อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดเดิมๆ ที่เกิดขึ้นในหลายเกมก่อนหน้านี้ก็กลับมาหลอกหลอนเซลติกอีกครั้ง นั่นคือ การเสียประตูในช่วงต้นเกม โดยในนาทีที่ 7 เซนต์จอห์นสโตนก็ได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่แนวรับของเซลติกสับสน และไม่สามารถเคลียร์บอลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลังจากเสียประตู เซลติกพยายามโหมบุกอย่างหนักในครึ่งหลัง โดยมีโอกาสหลายครั้งจาก โชต้า, ไดเซน มาเอดะ และนิโคลัส คูน แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นสกอร์ได้เลย การจบสกอร์ที่ไม่เฉียบคม บวกกับการขาดไอเดียสร้างสรรค์ในพื้นที่สุดท้าย ทำให้เกมนี้กลายเป็นอีกหนึ่งนัดที่พวกเขาครองบอลแต่ไร้ความอันตราย
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ให้สัมภาษณ์หลังจบเกมว่า “ผมผิดหวังกับทัศนคติในครึ่งแรก มันคือเรื่องของจิตใจ และนั่นคือสิ่งที่น่ากังวล” เขายังระบุว่าปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เป็นเรื่องเฉพาะหน้า แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งหลังจากเข้าสู่ปี 2025
ร็อดเจอร์สวิจารณ์นักเตะบางคนว่ามีความสบายใจมากเกินไปกับสถานการณ์ในลีก และขาดความทะเยอทะยาน เขาเน้นว่า “คุณต้องมีแรงขับเคลื่อนและความปรารถนาจากภายใน” นี่คือคำเตือนถึงนักเตะในทีมที่อาจตกอยู่ในกับดักของความพอใจ
ร็อดเจอร์สพยายามปรับเปลี่ยนแนวรุกในครึ่งหลังโดยถอดแนวรุกหลักอย่าง คูน, มาเอดะ และโชต้า ออก แล้วส่งผู้เล่นสำรองลงไป แต่ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนผลการแข่งขันได้ สิ่งนี้สะท้อนถึงความลึกของขุมกำลังที่อาจไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควร
ในช่วงครึ่งแรกของฤดูกาล เซลติกเก็บแต้มได้อย่างต่อเนื่องและดูไร้เทียมทาน แต่หลังจากเดือนมกราคม ฟอร์มของพวกเขาเริ่มแผ่วอย่างเห็นได้ชัด โดยแพ้ไปถึง 4 นัดในปี 2025 เทียบกับการไม่แพ้ใครเลยในช่วงก่อนคริสต์มาส
หนึ่งในปัญหาหลักของเซลติกคือแนวรับที่เสียสมาธิในช่วงต้นเกม ทำให้พวกเขาต้องเล่นไล่ตามคู่แข่งอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายในเกมที่คู่แข่งเน้นตั้งรับแน่นและรอโต้กลับ
อีกหนึ่งจุดอ่อนที่เห็นได้ชัดคือการสร้างสรรค์เกมในแดนกลาง โดยเฉพาะเมื่อทีมต้องเผชิญกับแนวรับลึกของคู่แข่ง การขาดจอมทัพที่สามารถเปลี่ยนเกมด้วยไอเดียสร้างสรรค์ทำให้การเจาะแนวรับเป็นเรื่องยากขึ้น
แม้ความพ่ายแพ้ต่อเซนต์จอห์นสโตนจะเป็นการสะดุดอย่างน่าเสียดาย แต่เซลติกก็ยังคงมีโอกาสสูงในการคว้าแชมป์ หากพวกเขาชนะในนัดถัดไปและเรนเจอร์สพลาดท่า ก็สามารถการันตีแชมป์ได้ทันที
อย่างไรก็ตาม ฟอร์มที่ตกลงของเซลติกในช่วงหลังควรเป็นสัญญาณเตือนว่าหากไม่รีบปรับปรุง อาจเปิดช่องให้เรนเจอร์สกลับมาไล่ทันในช่วงท้ายฤดูกาล ซึ่งจะเป็นฝันร้ายที่พวกเขาไม่อยากให้เกิดขึ้น
แม้ว่าฤดูกาลนี้เซลติกมีโอกาสคว้าแชมป์ แต่หากมองในระยะยาว ทีมต้องมีการเสริมทัพที่ชัดเจน โดยเฉพาะในตำแหน่งกองหลังและมิดฟิลด์ตัวรุก เพื่อให้สามารถรักษามาตรฐานไว้ในฤดูกาลถัดไป
ความพ่ายแพ้ของเซลติกต่อเซนต์จอห์นสโตนอาจเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่เกมที่พวกเขาแพ้ในฤดูกาลนี้ แต่กลับมีความหมายที่ลึกซึ้ง เพราะมันสะท้อนถึงปัญหาทางจิตใจ ความมุ่งมั่น และความเฉื่อยชาในทีมระดับแชมป์
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ต้องใช้โอกาสนี้ในการกระตุ้นนักเตะ ปรับทัศนคติ และเรียกศรัทธากลับคืนมา ไม่เพียงเพื่อคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้ แต่เพื่อสร้างทีมที่แข็งแกร่งกว่าเดิมในฤดูกาลหน้า
เพราะในโลกของฟุตบอล ความสำเร็จไม่เคยถาวร และทุกแชมป์ล้วนต้องแลกมาด้วยความมุ่งมั่น ความเสียสละ และหัวใจที่ไม่ยอมแพ้